ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่เพศหญิงเท่านั้นที่ต้องการแต่งหน้า แม้แต่เพศชายเองก็หันมาแต่งหน้าเช่นเดียวกันเพื่อเสริมบุคลิกและเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง จึงถือได้ว่าเครื่องสำอางเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้ใบหน้าของเราดูดีขึ้น ซึ่งแป้งพัฟ ก็ถือเป็นเครื่องสำอางสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ขาดไม่ได้เลยในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง เพราะช่วยปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำต่างๆ และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับใบหน้า ซึ่งในปัจจุบันนี้แป้งพัฟในท้องตลาดก็มีให้เลือกใช้มากมายหลายยี่ห้อ ดังนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกซื้อแป้งพัฟเป็นพิเศษ เพื่อให้แป้งพัฟเข้ากับผิวคุณมากที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็มีแนวทางและเทคนิคดีๆ ในการช่วยให้คุณเลือกสามารถเลือกแป้งพัฟให้เหมาะกับผิวคุณ เรามาดูกันเลยดีกว่า
แป้งพัฟคืออะไร
แป้งพัฟ (Compressed Face Powder or Compact Powder) หรือที่เรารู้จักกันในทั่วไปว่า แป้งทาหน้า เป็นแป้งอัดแข็งบรรจุอยู่ภายในตลับ พกพาง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน เนื้อแป้งจะมีความละเอียดและบางเบา จึงได้รับความนิยมใช้ในการแต่งหน้ามาก ซึ่งแป้งพัฟนั้นก็มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้กัน ไม่ว่าจะเป็น แป้งพัฟไม่ผสมรองพื้น แป้งพัฟผสม รองพื้น และ แป้งฝุ่นเซตหลังแต่งหน้า
แป้งพัฟ และ แป้งฝุ่น ต่างกันอย่างไร
เนื่องจากแป้งพัฟและแป้งฝุ่นนั้นมีเนื้อแป้งที่ค่อนข้างคล้ายกัน ทำให้ใครหลายๆ คนลังเลใจว่าควรจะเลือกใช้แป้งพัฟหรือแป้งฝุ่นในการแต่งหน้าดี ในวันนี้เราจึงพาทุกท่านมาดูความแตกต่างระหว่างแป้งพัฟกับแป้งฝุ่น เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น
แป้งฝุ่น เป็นแป้งที่อยู่ในรูปแบบผง ซึ่งบรรจุอยู่ภายในกระป๋องเล็กๆ เนื้อแป้งจะมีความบางเบาและมีความละเอียดสูงมาก ใช้สำหรับเซตเครื่องสำอางหลังแต่งหน้าเพื่อให้เครื่องสำอางติดทนนานมากยิ่งขึ้นและเหมาะกับผู้ที่ต้องการแต่งหน้าในลุคที่บางเบา ดูเป็นธรรมชาติ แต่แป้งฝุ่นอาจจะไม่ติดทนนานเหมือนกับแป้งพัฟ จึงต้องหมั่นเติมแป้งบ่อยๆ
แป้งพัฟ หรือแป้งฝุ่นอัดแข็ง สามารถใช้งานได้สะดวกกว่าแป้งฝุ่น เพราะเนื้อแป้งถูกอัดแข็งอยู่ในตลับ ซึ่งมีให้เลือกใช้ด้วยกัน 2 ประเภท นั่นคือ แป้งพัฟที่ผสมรองพื้นและแป้งพัฟที่ไม่ผสมรองพื้น ซึ่งแป้งพัฟนั้นจะให้การปกปิดได้ดีกว่าแป้งฝุ่น อีกทั้งยังติดทนนานกว่า ไม่ต้องเติมหน้าบ่อยๆ เหมือนกับแป้งฝุ่น
แป้งพัฟมีกี่ประเภท
แป้งพัฟมีหลายประเภทให้เลือกใช้ ซึ่งคุณควรจะเลือกใช้แป้งพัฟให้ตอบโจทย์และเหมาะสมตามความต้องการของคุณด้วย
1.แป้งฝุ่นเซตหลังแต่งหน้า (Finishing Powder)
แป้งชนิดนี้เป็นแป้งสำหรับเซตเครื่องสำอางหลังแต่งหน้า ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบแป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟก็ได้ โดยเนื้อแป้งจะมีความโปร่งและบางเบา ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและเครื่องสำอางติดทนนานยิ่งขึ้น แต่แป้งพัฟประเภทนี้จะไม่ค่อยติดทนนาน ต้องเติมแป้งอยู่บ่อยครั้ง
2.แป้งพัฟไม่ผสมรองพื้น (Pressed Powder)
แป้งพัฟไม่ผสมรองพื้นหรือที่เราเรียกอีกอย่างว่า แป้งฝุ่นอัดแข็งอยู่ในรูปแบบตลับ มีคุณสมบัติคล้ายกับแป้งฝุ่น แต่สามารถใช้งานได้สะดวกกว่า ซึ่งแป้งพัฟประเภทนี้จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ไม่เน้นการปกปิดจึงเหมาะกับผิวที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้วและไม่ค่อยติดทนเช่นเดียวกับแป้งฝุ่น
3.แป้งพัฟผสมรองพื้น (Powder Foundation)
เป็นแป้งที่ส่วนผสมของรองพื้น ซึ่งแป้งพัฟประเภทนี้จะให้การปกปิดได้ดีกว่าแป้งพัฟชนิดอื่น จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเยอะที่ต้องการเน้นการปกปิด จุดด่างดำหรือริ้วรอยต่าง ๆ และต้องการเพิ่มความเรียบเนียน กระจ่างใสให้กับผิว เพราะมีส่วนผสมรองพื้น
แป้งพัฟ ดีอย่างไร
อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าข้อดีของแป้งพัฟ นอกจาก จะช่วยคุมมัน ทำให้ผิวกระจ่างใสและช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นแล้ว ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมาย
1.ช่วยเบลอรูขุมขนได้ดี
ข้อดีอย่างแรกของแป้งพัฟที่เราสามารถเห็นได้ชัดเจนเลย คือ ช่วยเบลอรูขุมขนได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายๆ คนมักจะใช้งานแป้งพัฟเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
2.ให้ลุคที่ดูแน่น เรียบเนียนกว่าแป้งฝุ่น
เนื่องจากแป้งพัฟมีเนื้อที่แน่นและหนักกว่าแป้งฝุ่น เมื่อใช้แป้งพัฟในการแต่งหน้าจึงให้ลุคที่ดูแน่น เรียบเนียนกว่าแป้งฝุ่น อีกทั้งยังไม่หลุดลอกง่ายอีกด้วย
3.พกพาง่าย ใช้สะดวก ไม่เลอะเทอะ
แป้งพัฟเป็นแป้งฝุ่นอัดแข็งที่อยู่ภายในตลับ มีขนาดเล็ก จึงเหมาะแก่การพกพาติดตัวเพื่อเติมหน้าในระหว่างวัน อีกทั้งเนื้อแป้งถูกอัดแข็งไว้ เมื่อใช้งานจึงไม่เลอะเทอะเหมือนกับแป้งฝุ่น
วิธีเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับผิว
แน่นอนว่าแป้งพัฟในท้องตลาดนั้นมีมากมายหลายยี่ห้อมาก แต่การเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับผิวของเรานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ซึ่งสำหรับใครที่ยังตามหาแป้งพัฟที่เหมาะกับผิวตัวเองยังไม่ได้ วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ ในการเลือกซื้อแป้งพัฟให้เข้ากับผิว เพื่อเป็นความรู้ให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังมีแพลนจะเลือกซื้อแป้งพัฟในเร็วๆ นี้
1.เลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิว
เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกในการเลือกแป้งพัฟเลยทีเดียว คุณต้องไม่คิดเองเออเองว่าแป้งพัฟสีนี้หรือสีนั้นเข้ากับผิวของคุณ จริงอยู่ว่าแป้งพัฟแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีเบอร์กำกับไว้เพื่อบอกให้รู้ว่าเบอร์ไหนเหมาะกับคนสีผิวแบบไหน ซึ่งหลายๆ คนนั้นก็มักจะเลือกซื้อแป้งพัฟจากการดูเบอร์ที่กำกับไว้เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้บางครั้งก็ทำให้ได้แป้งพัฟที่ไม่เหมาะกับโทนสีผิวของตนเอง นั่นเพราะว่าแป้งพัฟแต่ละยี่ห้อนั้นมีเฉดสีที่ไม่เหมือนกัน เมื่อลงแป้งแล้วอาจให้ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกัน เช่น แป้งพัฟเบอร์ 1 ของเจ้านี้อาจจะมีสีที่เข้มกว่าเจ้านั้นหรือแป้งพัฟเบอร์ 1 ของเจ้านั้นมีสีอ่อนกว่าเจ้านี้ ซึ่งแป้งพัฟบางยี่ห้อนั้นอาจต้องเลือกที่สว่างกว่าผิว 1 เฉด เพราะเวลาเซตตัวกับผิวหน้า จะทำให้ออกมาพอดี ถ้าเลือกพอดีกับสีผิวเวลาที่เหงื่อออก หรือหน้ามัน จะทำให้หน้าจะดูหมองและดรอปลง แต่แป้งพัฟบางยี่ห้อ ก็ต้องเลือกให้พอดีกับสีผิว เพราะ เมื่อแป้งเซตตัวแล้วจะไม่เปลี่ยนสี ซึ่งถ้าเลือกสว่างกว่า 1 เฉด จะทำให้หน้าจะลอยได้ ดังนั้นการเลือกซื้อแป้งพัฟจากการดูเบอร์เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เราจึงขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อแป้งพัฟที่ร้านค้าหรือเคาเตอร์ด้วยตัวเองจะดีที่สุด เพราะ จะมีแป้งพัฟตัว Tester ให้คุณได้ลองแป้งได้ด้วยตัวเอง ช่วยให้คุณเลือกซื้อแป้งพัฟง่ายขึ้นและเข้ากับสีผิวคุณด้วย
ผิวโทนเหลือง
ลองเลือกใช้แป้งโทนอมเหลืองดูก่อน หากว่าเข้ากับหน้าก็ไม่ต้องเปลี่ยน แต่ถ้าไม่เข้ากับหน้าหรือทำให้ผิวหน้ามีสีซีดจนเกินไปก็ควรเปลี่ยนไปใช้แป้งที่มีโทนอมชมพู จะช่วยเพิ่มความสดใสและทำให้ผิวดูมีน้ำมีนวลขึ้นได้
ผิวโทนขาวอมชมพู
ควรเลือกใช้รองพื้นที่มีสีดรอปกว่าหน้าสักหนึ่งเบอร์ อาจจะเลือกใช้เป็นแป้งโทนอมเหลืองหรือโทนชมพูก็ได้ จะช่วยทำให้ผิวดูสวยสุขภาพดีขึ้น
ผิวสองสี
ผู้ที่มีผิวสองสีควรเลือกแป้งเบอร์ที่ขาวกว่าผิวหน้าจริงสัก 1 เฉด จะช่วยปรับสีผิวให้ไม่ดรอประหว่างวันได้ แต่คนที่มีสีผิวแบบนี้ การเลือกใช้แป้งพัฟเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะเครื่องสำอางแบรนด์ไทยนั้นผลิตเฉดสีออกมาน้อยมาก
2.เลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสภาพผิว
การเลือกแป้งพัฟให้เหมาะกับสภาพผิวที่เรื่องที่สำคัญ แต่ถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าสภาพผิวคุณเป็นแบบไหน การเลือกแป้งพัฟให้เหมาะกับผิวเป็นเรื่องที่ยาก ฉะนั้นคุณต้องรู้จักสภาพผิวของตัวเองก่อนเพื่อที่จะสามารถเลือกแป้งพัฟได้เข้ากับผิว
ผิวธรรมดา
ผู้ที่มีผิวแบบนี้ง่ายต่อการเลือกใช้แป้งพัฟ เพราะคุณสามารถเลือกใช้แป้งพัฟประเภทใดก็ได้ แต่ใช่ว่าคุณจะสามารถเลือกใช้แป้งพัฟที่วางขายดาษดื่นตามท้องตลาดได้ คุณก็ควรเลือกใช้แป้งพัฟแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือหรือได้รับการการันตีหรือรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาทีหลัง
ผิวมัน
แป้งพัฟที่เหมาะกับคนที่ผิวหน้ามันควรเป็นแป้งที่มีคุณสมบัติควบคุมความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งควรเลือกใช้แป้งพัฟที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและชิมเมอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันรูขุมขนจนเป็นสาเหตุของสิว ช่วยให้หน้าดูเนียนใส และที่สำคัญต้องเลือกแป้งพัฟที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อด้วย เมื่อใช้แล้วแป้งจะได้ไม่หลุดและเป็นคราบได้ง่าย
ผิวแห้ง
สำหรับใครที่มีสภาพผิวแห้งแนะนำว่าก่อนการแต่งหน้าต้องบำรุงด้วยสารบำรุงต่างๆ ก่อนเสมอ เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ไพรเมอร์ หรือ เมคอัพเบส เป็นต้น เพื่อเติมความชุ่มชื้นแก่ผิว เมื่อทาแป้งพัฟแล้วจะได้ไม่เป็นคราบและเป็นขุย อีกทั้งยังทำให้แป้งพัฟติดทนนานยิ่งขึ้น ซึ่งแป้งพัฟที่คนผิวแห้งควรเลือกใช้คือ แป้งพัฟที่มีส่วนผสมของสารกักเก็บความชุ่มชื้นและมีคุณสมบัติไม่ดูดซับน้ำมันบนผิวมากจนเกินไป
ผิวแพ้ง่าย
กลุ่มคนที่มีผิวประเภทนี้ต้องมีความละเอียดอ่อนในการเลือกใช้เครื่องสำอางมาก เพราะเป็นผิวที่เกิดการระคายเคืองได้ง่าย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจึงควรเลือกใช้แป้งพัฟที่มีเนื้อบางเบา ไม่หนักหน้าและไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม น้ำมันหรือแอลกอฮอล์
3.เลือกแป้งพัฟให้ตอบโจทย์ความต้องการ
นอกจากการเลือกแป้งพัฟให้เหมาะกับสีผิวและสภาพของผิวแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือ การเลือกแป้งพัฟให้ตอบโจทย์และเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้งานเองด้วย เช่น คนที่มีปัญหาผิวเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว รอยตีนกาหรือผิวไม่เรียบเนียน ควรเลือกแป้งพัฟที่ผสมรองพื้น เพราะแป้งพัฟประเภทนี้จะมีเนื้อหนาและเน้นการปกปิดริ้วรอยต่างๆ ได้ดีกว่าแป้งพัฟประเภทอื่น และคนที่มีปัญหาผิวแบบนี้ก็ไม่ควรเลือกแป้งพัฟที่มีเนื้อบางเบา เพราะจะให้การปกปิดได้ไม่ดีเท่าที่ควร สำหรับใครที่งานกลางแจ้งหรือต้องออกแดดบ่อยๆ ก็ควรเลือกแป้งพัฟที่กันน้ำ กันเหงื่อและกันแดดไปในตัวด้วย หรือใครที่มีผิวหน้าดีอยู่แล้ว ต้องการลงแป้งเพื่อให้หน้าผ่อง ขาวใสและเนียนขึ้น เท่านั้น คุณก็อาจจะเลือกเป็นแป้งพัฟที่มีเนื้อบางเบา อย่างเช่น แป้งพัฟที่ไม่ผสมรองพื้นหรือแป้งฝุ่นก็เพียงพอแล้ว
4.ลองใช้แป้งกับแสงธรรมชาติและแสงไฟนีออน
แสงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากธรรมชาติหรือแสงไฟนีออน มีผลต่อสีของแป้งพัฟที่อยู่บนผิว เพราะสีของแป้งพัฟนั้นมีการเปลี่ยนแปลงได้เมื่ออยู่ภายใต้แสงที่ต่างกันออกไป เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟนีออนสีของแป้งอาจจะดูเนียนสวยและกลมกลืนไปกับผิวแต่ถ้าหากออกมายืนท่ามกลางแสงธรรมชาติสีของแป้งพัฟที่อยู่บนผิวอาจจะดูเด่นจนให้หน้าลอยได้ ดังนั้นคุณควรทดลองใช้แป้งพัฟตามสภาวะแสงต่างๆ สักหนึ่งวันจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกสีแป้งได้ดีขึ้น
แป้งพัฟ ที่ดีควรเป็นอย่างไร
นอกจากการเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับผิวของคุณแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรตรวจเช็คให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อแป้งพัฟ นั่นคือ ลักษณะทางกายภาพของแป้งพัฟ ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะเนื้อหรือสีของแป้งพัฟ
1.เนื้อแน่น เนียนละเอียด
อันดับแรกแป้งพัฟที่ดีควรมีเนื้อแน่น เนียนละเอียด เพราะแป้งพัฟที่เนื้อแป้งมีความเนียนละเอียดเท่าๆ กันนั้น จะทำให้มีความบางเบา ไม่หนักผิว เนื้อแป้งจะติดและกลืนไปกับผิว ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
2.เนื้อแป้งพัฟ ไม่แตกหรือเปราะร้าวง่ายและไม่ร่วงเป็นผุยผง
เมื่อใช้แปรงหรือใช้พัฟแตะลงไปที่เนื้อแป้งพัฟ เนื้อจะต้องไม่แตกหรือเปราะร้าวง่าย และเนื้อแป้งที่อยู่ภายในตลับจะต้องเกาะติดเป็นแผ่นเดียวกัน ไม่ร่วงเป็นผุยผง
3.สีของแป้งพัฟต้องสม่ำเสมอ
สีของแป้งพัฟต้องเนียน สม่ำเสมอทั่วกันทั้งแผ่นของเนื้อแป้งและเมื่อเก็บไว้นาน สีของแป้งพัฟต้องไม่มีเปลี่ยนแปลง ยังคงมีสีที่สม่ำเสมอกันดังเดิม
เคล็ดลับการทาแป้งพัฟให้ติดทนนาน
เชื่อว่าใครหลายๆ คนก็คงเคยประสบปัญหากับการลงแป้งพัฟกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การลงแป้งพัฟแล้วเป็นก้อน ดูหนาเกินไป ไม่เป็นธรรมชาติหรือเป็นคราบระหว่างวัน ซึ่งถ้าหากใครที่ใช้แป้งพัฟมาเป็นเวลานานแล้วก็อาจจะมีเทคนิคและชำนาญขึ้น แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่เพิ่งหัดใช้แป้งพัฟ คุณควรต้องเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้เอาไว้ เพื่อให้คุณสามารถการลงแป้งพัฟได้อย่างมืออาชีพ
1.บำรุงก่อนแต่งหน้า
การบำรุงก่อนแต่งหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าผิวหน้าดีก็จะทำให้การแต่งหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นการบำรุงผิวก่อนการแต่งหน้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Essence / Serum กันแดด ไพรเมอร์หรือเมคอัพเบส ซึ่งช่วยเบลอและทำให้รูขุมขนเล็กลง ปรับสภาพสีผิว เติมความชุ่มชื้น และที่สำคัญเมื่อเราบำรุงผิวก่อนแต่งหน้าจะทำให้เครื่องสำอางนั้นติดทนนานยิ่งขึ้น
2.เลือกพัฟฟองน้ำที่คุณภาพดี
พัฟฟองน้ำ เป็นอุปกรณ์เสริมที่ใช้สำหรับเกลี่ยหรือลงแป้งพัฟบนใบหน้า แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่หลายๆ คนนั้นมักจะหลงลืมและมองข้ามและคิดว่าจะเลือกพัฟแบบใดก็ได้ในการลงแป้ง ควรเลือกพัฟฟองน้ำที่มีความอ่อนนุ่ม และเป็นพัฟที่ผลิตจากฝ้าย เพราะจะทำให้การลงแป้งพัฟมีความเรียบเนียนกว่าและไม่เสียดสีผิวอีกด้วย ซึ่งคุณควรจะทำความสะอาดพัฟอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียนั่นเอง
3.ใช้แป้งในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
ใช้พัฟกดแป้งออกมาจากตลับ ไม่ควรกดออกมามากหรือน้อยจนเกินไป เพราะถ้าหากคุณใช้แป้งพัฟในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้ดูหนาและไม่เป็นธรรมชาติ หรือถ้าหากว่าคุณใช้แป้งพัฟในปริมาณที่น้อยจนเกินไป ก็อาจจะไม่สามารถปกปิดริ้วรอยต่างๆ ได้ดีเท่าที่ควร การใช้แป้งพัฟในแต่ละครั้งคุณจึงควรกะปริมาณให้พอดี
4.ใช้แปรงแทนพัฟ เพื่อลุคที่บางเบา
สำหรับใครที่ต้องการงานผิวที่มีลุคบางเบา ดูเป็นธรรมชาติและ ไม่หนักหน้าคุณก็อาจจะเลือกใช้แปรงในการลงแป้งแทนพัฟฟองน้ำได้ ซึ่งการใช้แปรงในการลงแป้งจะช่วยกระจายเนื้อแป้ง ได้ดีและสม่ำเสมอทั่วกันทั้งใบหน้า ทำให้ได้งานผิวที่บางเบาและเนียนสวย เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
5.กดแป้งพัฟลงบนผิว
การลงแป้งพัฟที่ดีและให้ติดทนนาน ควรค่อยๆ กดลงบนผิว ไม่ควรปาด ย้ำว่ากดห้ามปาดเด็ดขาด เพราะการปาดแป้งพัฟลงบนผิวจะทำให้หนักหน้าจนเกินไปและดูไม่เป็นธรรมชาตินั่นเอง ซึ่งการทาแป้งพัฟนั้น ควรเริ่มทาในบริเวณที่กว้างที่สุดก่อนแล้วค่อยๆ เกลี่ยเข้ามาในบริเวณที่แคบ
6.เติมแป้งระหว่างวันให้ผิวสวยเด้ง
แน่นอนว่าในระหว่างวันนั้น เราต้องเจอกับฝุ่นและมลภาวะต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมีเหงื่อออกในระหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ ด้วย แป้งพัฟที่ทามาตั้งแต่ตอนเช้าจึงมีการหลุดลอกและดรอปลงไป ฉะนั้นจึงควรพกแป้งพัฟติดตัวไว้เสมอเพื่อใช้สำหรับเติมหน้าในระหว่างวัน ซึ่งก่อนลงแป้งพัฟบนใบหน้าทุกครั้งนั้นควรใช้กระดาษซับมันหรือทิชชู่ซับความมันบนใบหน้าให้หมดจด เมื่อลงแป้งพัฟจะได้ไม่เป็นคราบ
7.รองพื้นหรือแป้งพัฟผสมรองพื้น เลือกสักอย่าง
ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังสับสนว่าการใช้แป้งพัฟผสมรองพื้นในการแต่งหน้าแล้วยังจำเป็นต้องใช้รองพื้นในการแต่งหน้าอยู่ไหม ต้องบอกตรงนี้เลยว่า คุณควรเลือกใช้สักอย่างระหว่างรองพื้นและแป้งพัฟผสมรองพื้น เพราะถ้าหากคุณเลือกใช้ทั้งสองตัวพร้อมกันจะทำให้หนักหน้าและดูหนาจนเกินไป ซึ่งสำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าไม่มากนัก คุณก็อาจจะเลือกใช้แป้งพัฟผสมรองพื้นในการแต่งหน้าก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับใครที่มีปัญหาผิวเยอะแนะนำให้ใช้รองพื้นจะดีที่สุดเพราะจะให้การปกปิดได้ดีกว่าการใช้แป้งพัฟผสมรองพื้น ดังนั้นคุณควรเลือกตามความสะดวกและความถนัดของแต่ละคน
ข้อแนะนำอีกอย่างคือ หลังจากที่คุณลงรองพื้นเสร็จแล้ว ต้องใจเย็นๆ รอให้รองพื้นนั้นแห้งก่อนถึงจะสามารถลงแป้งพัฟตามได้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณใจร้อนลงแป้งพัฟบนผิวขณะที่รองพื้นยังไม่แห้งดีจะทำให้แป้งพัฟจับตัวกันเป็นก้อนและกลายเป็นคราบได้
สรุปเรื่องของ แป้งพัฟ
ในการแต่งหน้าทุกครั้งนั้น เครื่องสำอางสิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย ก็คือ แป้งพัฟ ที่เป็นตัวช่วยให้ผิวกระจ่างใสและช่วยปกปิดจุดบกพร่องได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย และยังให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย ซึ่งการเลือกใช้แป้งพัฟนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณจะต้องเลือกให้เข้ากับสีผิว สภาพของผิวและตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งาน ดังนั้น การเลือกซื้อแป้งพัฟคุณจึงต้องมีการลองใช้ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ เพื่อช่วยให้คุณเลือกซื้อแป้งพัฟได้เข้ากับผิวมากที่สุด โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อแป้งพัฟฟรีๆ โดยเปล่าประโยชน์
Add comment