ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่าค่า SPF และ PA คืออะไร ควรจะมีมากน้อยแค่ไหนใน “ครีมกันแดด” หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่ายิ่งมีค่า SPF และค่า PA เยอะมากเท่าไหร่ ครีมกันแดดก็จะยิ่งปกป้องผิวเราจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แถมยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นความจริงหรือไม่จริงนั้น วันนี้เรามาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันดีกว่า
ค่า SPF และค่า PA คืออะไร?
SPF ของ ครีมกันแดด คืออะไร?
ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor คือค่าที่สามารถพบได้ในครีมกันแดดทั่วไป โดยค่า SPF นี้เป็นตัวที่บ่งชี้ว่าครีมกันแดดตัวนั้นมีสารกันแดดที่สามารถปกป้องผิวของคุณจากรังสี UVB ที่มีอยู่ในแสงแดดได้นานมากแค่ไหน ซึ่งโดยปกติแล้วผิวของคุณจะเริ่มมีอาการไหม้แดดหลังจากที่โดนแดดมาประมาณ 10-20 นาที แต่ถ้าคุณทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 20 ก็จะช่วยให้คุณปกป้องผิวจากแสงแดดได้ถึง 20 เท่า หรือปกป้องผิวได้นานถึงเกือบ 4 ชั่วโมงนั่นเอง แต่ทว่าการที่มีค่า SPF สูงๆก็ไม่ได้แปลว่าจะดีกับทุกสภาพผิวเสมอไป เพราะผิวบางประเภท เช่น ผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็ไม่เหมาะจะใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้นั่นเอง
PA คืออะไร?
ค่า PA หรือ Protection Grade of UVA คือค่าที่แสดงให้เห็นว่าครีมกันแดดตัวนั้นสามารถปกป้องผิวของคุณจากรังสี UVA ได้ถึงระดับไหนโดยสามารถดูได้จากสัญลักษณ์ + ที่ต่อท้าย PA นั่นเอง ถ้าสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากค่าก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งค่า PA นั้นจะเยอะหรือน้อยขึ้นอยู่กับ + ที่ต่อท้ายด้านหลัง เช่น PA+ ก็จะปกป้องได้น้อย หรือ PA++ ก็จะปกป้องผิวได้มาก หรือ PA+++ ก็จะปกป้องผิวได้มากขึ้น ถ้าเป็น PA++++ ก็จะปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากที่สุดนั่นเอง เป็นต้น
ครีมกันแดดที่ดี ควรมีค่า SPF และค่า PA เท่าไหร่?
ครีมกันแดดที่ดีสำหรับทาผิวหน้าและทาผิวกาย นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติที่คุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ และเหมาะกับสภาพผิวของคุณแล้ว ยังต้องมีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวันของคุณด้วย ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่มีกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยครั้ง ครีมกันแดดที่ดีสำหรับคุณ ควรจะมีค่า SPF และค่า PA สูง ๆ อย่างเช่น SPF 50 PA++++ เป็นต้น
แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่มีผิวบอบบางหรือผิวแพ้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF น้อยแล้วใช้วิธีทากันแดดซ้ำบ่อย ๆ จะดีกว่า อย่างเช่น SPF 15 หรือ 20 เพราะครีมกันแดดที่มี SPF สูง ๆ จะทำให้ผิวของคุณเกิดการระคายเคืองง่ายนั่นเอง แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ได้มีกิจกรรมกลางแจ้งหรือไม่ต้องพบเจอกับแสงแดดภายนอกอาคารมากนัก ก็สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่น้อยลงได้เช่นเดียวกัน
วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวหน้า
เนื่องจากการเลือกครีมกันแดดจาดค่าของ SPF และค่า PA ยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าครีมกันแดดตัวนั้นเหมาะกับผิวคุณหรือไม่ ทางที่ดีคุณควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวหน้าของคุณ จากเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติของครีมกันแดดเป็นหลักจึงจะดีที่สุด
ก่อนอื่นคุณต้องทราบก่อนว่าคุณเป็นคนผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย จากนั้นจึงเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับผิวของคุณ โดยสามารถดูได้จากปัญหาผิวแต่ละประเภท ตัวอย่างเช่น คนที่มีผิวมันควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติควบคุมความมันบนผิวได้ดี มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อได้ดี และไม่ทำให้เกิดการอุดตันบนผิว หรือเกิดปัญหาสิวตามมา
ส่วนครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่ายควรจะมีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยปลอบประโลมผิวหน้าของคนที่มีผิวแพ้ง่าย ไม่ให้เกิดการระคายเคืองผิว และสุดท้าย ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งควรจะมีคุณสมบัติที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้านหรือลอกเป็นขุย เป็นต้น
สำหรับคนที่มีผิวแห้งหรือผิวผสม สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงได้มากกว่าคนผิวแพ้ง่ายและผิวมันก็จริง แต่ทางที่ดีก็ควรเลือกค่า SPF แต่พอดี เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีผิวแข็งแรง แต่ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวเป็นประจำ ก็จะทำให้เกราะป้องกันผิวของคุณอ่อนแอและทำให้คุณเกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน
Add comment